ขนมไทยส่วนใหญ่ทำมาจากข้าวและจะใช้ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น สี ภาชนะ กลิ่นหอมจากธรมชาติ ข้าวที่ใช้ในขนมไทยมีทั้งใช้ในรูปข้าวทั้งเม็ดและข้าวที่อยู่ในรูปแป้ง นอกจากนั้นยังมีวัตถุดิบอื่นๆ เช่น มะพร้าว ไข่ น้ำตาล ซึ่งจะกว่างถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้าวและแป้ง
แต่ข้าวไม่แก่จัด
ข้าวอ่อนที่เป็นน้ำนมนำมาทำข้าวยาคู
พอแก่ขึ้นอีกแต่เปลือกยังเป็นสีเขียวนำมาทำข้าวเม่า ข้าวเม่าที่ได้นำไปทำขนมได่อีกหลายชนิด เช่น
ข้าวเม่าคลุก ข้าวเม่าบด ข้าวเม่าหมี่ กระยาสารท ข้าวเจ้าที่เหลือจากการรับประทาน
นำไปทำขนมไข่มด ขนมไข่จิ้งหรีด
ข้าวตูได้อีก
ส่วนแป้งที่ใช้ทำขนมไทยส่วนใหญ่ได้มาจากข้าวคือแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว
ในสมัยก่อนใช้แป้งสดคือแป้งที่ได้จากการนำเม็ดข้าวแช่น้ำแล้วโม่ให้ละเอียด
ในปัจจุบันใช้แป้งแห้งที่ผลิตจากโรงงาน นอกจากนี้แป้งที่ใช้ได้แก่ แป้งถั่ว
แป้งท้าวยายม่อม แป้งมันสำปะหลัง ส่วนแป้งสาลีมีใช้น้อย
มักใช้ในขนมที่ได้รับอิทธิพลจากต่างชาติ
มะพร้าวและกะทิ
มะพร้าวนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของขนมไทยได้ตั้งแต่มะพร้าวอ่อนจนถึงมะพร้าวแก่ดังนี้
• มะพร้าวอ่อน ใช้เนื้อผสมในขนม เช่น เปียกสาคู
วุ้นมะพร้าว สังขยามะพร้าวอ่อน
• มะพร้าวทึนทึก ใช้ขูดฝอยทำเป็นไส้กระฉีก
ใช้คลุกกับข้าวต้มมัดเป็นข้าวต้มหัวหงอก และใช้เป็นมะพร้าวขูดโรยหน้าขนมหลายชนิด
เช่น ขนมเปียกปูน ขนมขี้หนู
ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของขนมไทย
• มะพร้าวแก่ นำมาคั้นเป็นกะทิก่อนใส่ในขนม
นำไปทำขนมได้หลายแบบ เช่น ต้มผสมกับส่วนผสม เช่นกล้วยบวชชี แกงบวดต่างๆ
หรือตักหัวกะทิราดบนขนม เช่น สาคูเปียก ซ่าหริ่ม บัวลอย
น้ำตาล
แต่เดิมนั้นน้ำตาลที่นำมาใชทำขนมคือน้ำคาลจากตาลหรือมะพร้าว
ในบางท้องที่ใช้น้ำตาลอ้อย น้ำตาลทรายถูกนำมาใช้ภายหลัง
ไข่
เริ่มเป็นส่วนผสมของขนมไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งได้รับอิทธิพลจากขนมของโปรตุเกส
ไข่ที่ใช้ทำขนมนี้จะตีให้ขึ้นฟูก่อนนำไปผสม ขนมบางชนิดเช่น
ต้องแยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกัน แล้วใช้แต่ไข่แดงไปทำขนม
ถั่วและงา
ถั่วและงาจัดเป็นส่วนผสมที่สำคัญในขนมไทย
การใช้ถั่วเขียวนึ่งละเอียดมาทำขนมพบไดตั้งแต่สมัยอยุธยา
เช่นขนมภิมถั่วทำด้วยถั่วเหลืองหรือถั่วเขียวกวนมาอัดใส่พิมพ์[
ถั่วและงาที่นิยมใช้ในขนมไทยมีดังนี้
• ถั่วเขียวเราะเปลือก มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น
ถั่วทอง ถั่วซีก ถั่วเขียวที่ใช้ต้องล้งและแช่น้ำค้างคืนก่อนเอาไปนึ่ง
• ถั่วดำ ใช้ใส่ในขนมไทยไม่กี่ชนิด
และใส่ทั้งเม็ด เช่น ข้าวต้มหมัด ข้าวหลาม ถั่วดำต้มน้ำตาล ขนมถั่วดำ
• ถั่วลิสง ใช้น้อย ส่วนใหญ่ใช้โรยหน้าขนมผักกาดกวน
ใส่ในขนมจ่ามงกุฏ ใส่ในรูปที่คั่วสุกแล้ว
• งาขาวและงาดำ
ใส่เป็นส่วนผสมสำคัญในขนมบางชนิดเช่น ขนมเทียนสลัดงา ขนมแดกงา
กล้วย
กล้วยมีส่วนเกี่ยวข้องกับขนมไทยหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ขนมกล้วย กล้วยกวน กล้วยเชื่อม
กล้วยแขกทอด หรือใช้กล้วยเป็นไส้ เช่น ข้าวต้มมัด
ข้าวเหนียวปิ้งไส้กล้วย ข้าวเม่า กล้วยที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นกล้วยน้ำว้า
กล้วยแต่ละชนิดเมื่อนำมาทำขนมบางครั้งจะให้สีต่างกัน เช่น กล้วยน้ำว้าเมื่อนำไปเชื่อมให้สีแดง
กล้วยไข่ให้สีเหลือง เป็นต้น
สี
สีที่ได้จากธรรมชาติและใช้ในขนมไทย มีดังนี้
• สีเขียว ได้จากใบเตยโขลกละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ
• สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน
เด็ดกลีบดอกอัญชันแช่ในน้ำเดือด ถ้าบีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อยจะได้สีม่วง
• สีเหลืองจากขมิ้นหรือหญ้าฝรั่น
• สีแดงจากครั่ง
• สีดำจากกาบมะพร้าวเผาไฟ นำมาโขลกผสมน้ำแล้วกรอง
กลิ่นหอม
กลิ่นหอมที่ใช้ในขนมไทยได้แก่
• กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ดอกมะลิที่เก็บในตอนเช้า
แช่ลงในน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วให้ก้านจุ่มอยู่ในน้ำ ปิดฝาทิ้งไว้ 1 คืน รุ่งขึ้นจึงกรอง นำนำไปใช้ทำขนม
• กลิ่นดอกกระดังงา นิยมใช้อบขนมแห้ง
โดยเด็ดกลีบกระดังงามาลนเทียนอบให้หอม ใส่ขวดโหลที่ใส่ขนมไว้ ปิดฝาให้สนิท
• กลิ่นเทียนอบ
จุดไฟที่ปลายเทียนอบทั้งสองข้างให้ลุกสักครู่หนึ่งแล้วดับไฟ วางลงในถ้วยตะไล
ใส่ในขวดโหลที่ใส่ขนม ปิดผาให้สนิท
• กลิ่นใบเตย หั่นใบเตยที่ล้างสะอาดเป็นท่อนยาว
ใส่ลงไปในขนม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น